คืนวันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคมนี้ เราก็จะได้รู้กันแล้วว่า ใครจะเป็นแชมป์ เอฟเอ คัพ ประจำฤดูกาล 2018/19 ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ วัตฟอร์ด โดยเฉพาะทางฝั่ง “เรือใบสีฟ้า” นั้น กำลังลุ้น “เทรบเบิ้ลแชมป์” ภายในประเทศ หลังจากที่ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก กับ คาราบาว คัพ มาก่อนแล้ว แต่ถ้า “แตนอาละวาด” สร้างเซอร์ไพรส์โค่น แมนฯ ซิตี้ ได้ ก็จะถือเป็นการคว้าแชมป์สมัยแรกของพวกเขา และข้างล่างนี้คือเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ก่อนเกมรอบชิงชนะเลิศที่สังเวียนแข้ง เวมบลีย์ สเตเดี้ยม
– ก่อนหน้านี้ วัตฟอร์ด เคยเข้าถึงรอบชิงฯ เอฟเอ คัพ แค่หนเดียว ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 1984 แต่เป็นได้แค่รองแชมป์ เพราะพ่าย เอฟเวอร์ตัน 0-2

เกร็ดน่าสนใจเกมชิงดำเอฟเอคัพ "แมนซิตี้ VS วัตฟอร์ด"
- วัตฟอร์ด ต้องรอคอยนานถึง 35 ปี กว่าจะเข้าถึงรอบชิงฯ เอฟเอ คัพ เป็นหนที่สอง ซึ่งถือเป็นการรอคอยที่ยาวนานสุดนับตั้งแต่ปี 1967 ที่ เชลซี เข้าถึงรอบชิงฯ อีกครั้ง หลังจากที่รอคอยนานถึง 52 ปี จากการที่เข้าชิงดำครั้งแรกในปี 1915
  • ที่ผ่านมาไม่เคยมีทีมไหนที่จบอันดับในลีกเกินครึ่งล่างของตารางคะแนน แต่สามารถโค่นทีมที่เป็นแชมป์ลีกในเกม เอฟเอ คัพ รอบชิงฯ ได้ โดยทีมอันดับแย่สุดที่เคยทำได้คือ แอสตัน วิลล่า ในปี 1957 ที่ตอนนั้นคว้าอันดับ 10 ในลีก แต่สามารถเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เป็นแชมป์ลีก ในเกมรอบชิงฯ เอฟเอ คัพ ด้วยสกอร์ 2-1
    • ที่ผ่านมา แมนฯ ซิตี้ กับ วัตฟอร์ด เคยเจอกันสี่หนในถ้วย เอฟเอ คัพ ซึ่งสามครั้งหลังสุดเป็น “เรือใบสีฟ้า” ที่ซิวชัยรวด (3-1 ซีซั่น 1996/97, 3-0 ซีซั่น 2012/13 และ 4-2 ซีซั่น 2013/14) ส่วน “แตนอาละวาด” เป็นฝ่ายได้เฮในการเจอกันครั้งแรก (ชนะ 3-1 ในเกมรีเพลย์ หลังเกมแรกเสมอกัน 1-1)
  • วัตฟอร์ด แพ้รวดในการเจอกับ แมนฯ ซิตี้ 10 เกมหลังสุดรวมทุกรายการ แถมเสียประตูมากถึง 32 ลูก นอกจากนี้พวกเขายังเอาชนะ “เรือใบสีฟ้า” ไม่ได้เลยในการเจอกัน 15 เกมหลังสุดรวมทุกรายการ (เสมอ 2 แพ้ 13) หรือนับตั้งแต่ตอนที่พิชิต แมนฯ ซิตี้ ได้ด้วยสกอร์ 1-0 เมื่อเดือนมีนาคม ปี 1989 ซึ่งตอนนั้นทั้งคู่เล่นอยู่ใน ดิวิชั่น 2
    • เซร์คิโอ อเกวโร่ หัวหอกตัวเก่ง แมนฯ ซิตี้ มีส่วนร่วมถึง 12 ประตู (ยิง 10, แอสซิสต์ 2) ในการเจอกับ วัตฟอร์ด 7 นัดรวมทุกรายการ
    • เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม แมนฯ ซิตี้ มีสถิติชนะ 100% ในการเจอกับ วัตฟอร์ด รวมทุกรายการ (6/6)