เชลซี ระบุเอง พวกเขาปรับค่าเหนื่อย เกปา อาร์รีซาบาลาก้า นายด่านของทีม เป็นเวลา 1 สัปดาห์ โทษฐานที่เขาก่อเรื่องงามหน้าด้วยการไม่ยอมออกจากสนามทั้งที่ เมาริซิโอ ซาร์รี่ สั่งเปลี่ยนตัวเขา โดยเงินที่โดนปรับจะนำไปเข้าองค์กรการกุศลของสโมสร
เชลซี สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประกาศว่าพวกเขาทำการลงโทษ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า ผู้รักษาประตูชาวสแปนิชด้วยการปรับเงินเดือนเป็นเวลา 1 สัปดาห์แล้ว หลังจากที่เขาปฏิเสธที่จะโดนเปลี่ยนตัวออกจากสนามในเกม คาราบาว คัพ รอบชิงชนะเลิศ นัดที่ “สิงโตน้ำเงินคราม” แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงดวลจุดโทษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ซาร์รี่ คิดว่า อาร์รีซาบาลาก้า มีอาการตะคริวกิน เขาเลยตัดสินใจที่จะส่ง วิลลี่ กาบาเยโร่ ลงไปเล่นแทน แต่อดีตมือกาว แอธเลติก บิลเบา กลับค้านหัวชนฝาที่จะออกจากสนาม เพราะยืนกรานว่าตนไม่ได้เป็นตะคริว จนทำให้กุนซือชาวอิตาเลียนเดือดดาลสุดขีด และเกือบที่จะเดินออกจากข้างสนามด้วย ก่อนที่ทั้งคู่จะให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่าเป็นการเข้าใจผิดกัน
อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมดังกล่าวก็กลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกลูกหนัง และทำให้ภาพลักษณ์ของ เชลซี ได้รับความเสียหายพอตัว ทำให้ล่าสุดทางสโมสรตัดสินใจลงโทษ อาร์รีซาบาลาก้า ด้วยการปรับค่าเหนื่อย 1 สัปดาห์ โดยเชื่อกันว่าเขาได้รับค่าเหนื่อยสัปดาห์ละ 195,000 ปอนด์ (ประมาณ 7.99 ล้านบาท) ซึ่งเงินส่วนนี้จะนำไปเข้าองค์กรการกุศลของ เชลซี ต่อไป
ด้าน อาร์รีซาบาลาก้า กล่าวขอโทษกับพฤติกรรมของตัวเองเช่นกัน "ผมดีใจมากๆ ที่เมื่อวานนี้ผมได้เล่นเกมนัดชิงชนะเลิศของฟุตบอลถ้วยเป็นครั้งแรก และภูมิใจกับฟอร์มของทีมสุดๆ ผมได้คิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้มากขึ้น และถึงแม้มันจะเป็นเพียงการเข้าใจผิดกัน แต่พอนึกย้อนไปแล้วผมก็เข้าใจดีว่าผมทำความผิดพลาดครั้งใหญ่กับวิธีการรับมือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น"
"ผมอยากใช้โอกาสนี้ในการขอโทษต่อเรื่องที่เกิดขึ้น และขอโทษโค้ช, วิลลี่, เพื่อนร่วมทีมของผม รวมถึงสโมสรเป็นการส่วนตัว ผมทำเรื่องอย่างนั้นไปแล้ว และผมก็อยากขอโทษแฟนๆ สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมได้เรียนรู้จากเรื่องในครั้งนี้ และขอยอมรับบทลงโทษ หรือมาตรการทางวินัยตามที่สโมสรตัดสินว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสม"
ขณะที่ ซาร์รี่ ยืนกรานว่าตนไม่ติดใจอะไรอีกต่อไปแล้ว "เกปา กับผมได้คุยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น มันเป็นบทสนทนาที่เป็นมิตร เมื่อวานนี้เราเข้าใจผิดกัน และเขาก็เข้าใจดีว่าสิ่งที่เขาทำไปมันเป็นเรื่องที่ผิดพลาด เขาได้ขอโทษกับผม, ขอโทษเพื่อนร่วมทีม และขอโทษสโมสร มันขึ้นอยู่กับสโมสรว่าพวกเขาอยากลงโทษเขาตามกฎของสโมสรรึเปล่า แต่สำหรับผมน่ะเรื่องนี้มันจบลงไปแล้ว"
"ฟอร์มการเล่นของทุกคนมันยอดเยี่ยมมากๆ และมันน่าเสียดายที่เรื่องในครั้งนี้ไปกลบความพยายามของเราในนัดชิงชนะเลิศของฟุตบอลถ้วยซะหมด ตอนนี้ทุกคนให้ความสำคัญกับเกมนัดต่อไปแล้ว และเราทุกคนก็ต้องปล่อยให้เรื่องนี้เป็นเพียงอดีตเท่านั้น"